ฉันคิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องมีวันนี้ คิดมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะว่าหน้าตาตัวเองและเห็นแก่พ่อแม่ของฉัน ฉันเลยจำยอมที่จะคบกับเขาต่อ ทั้งๆ ที่ตอนนี้เขาไปคบชู้กับสาวฝึกหน้าหุ่นสวยเพรียวที่เพิ่งเข้ามาฝึกงานที่บริษัทได้เพียงสองเดือน ความร่วมมือจากเพื่อนๆ ของฉันทำให้ฉันมีหลักฐานว่าเขากับยัยเด็กวัยแรกร่านนั่นไปเอากันในห้องเก็บเอกสาร โดยที่เขาก็ยังมาโกหกฉันหน้าตาเฉยว่า “ไปสังสรรค์กับเพื่อน” จากที่ฉันอดทน กลายเป็นว่าไม่มีความอดทนอีกแล้ว วันนี้ฉันไม่ได้ชื่อว่านารีอีกแล้ว ฉันชื่อว่าอีควาย!
ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟัง สุดท้ายท่านก็บอกว่ารักษาเกียรติตัวเองเอาไว้เป็นที่หนึ่ง แม้ว่าจะคบกันมาถึงแปดปีและกำลังจะแต่งงานกันแล้วก็ตาม ฉันแฉพวกมันทั้งสองคน จนไอ้ผู้ชายเฮงซวยโดนไล่ออกทันที ส่วนเด็กน้อยคนนั้นก็ทำเรื่องของเปลี่ยนที่ฝึกงานแล้วหายไปเลยโดยที่ไม่ได้มาขอทาฉันสักคำ ทั้งๆ ที่ฉันอยากจะกระชากหัวมันตบให้คว่ำ และรู้ทั้งรู้ว่าพวกมันสองตัวก็ต้องแอบไปสมสู่กันอยู่ดี ฉันเลยพยายามลืมลืมทุกๆ อย่าง แล้วสุดท้าย แม้ว่าจะมีความทรงจำมากมายที่นี่ ฉันก็ลืมเขาได้แล้วจริงๆ แม้ว่าจะใช้เวลาเกือบปีก็ตาม
เขาเพิ่งกลับมาง้อฉันเมื่อเดือนก่อน เพราะว่าโดนสาวน้อยร้ายเดียงสาหลอกจนหมดตัว ได้ข่าวว่าเสียรถไปเป็นคันๆ ก็คงไมแปลกหรอก ฉันนี่ต่างหากที่แปลกใจว่าทำไมถึงยังทนคบกับเขามาได้นานถึงแปดปี เสียเวลาชีวิตชะมัด และแน่นอนว่าฉันไม่ยอมคืนดี ไม่ว่าเขาจะมากอดขาและกราบเท้าฉันที่หน้าออฟฟิศก็ตาม ด้วยความที่เพื่อนฉันกลัวว่าอีควายอย่างฉันจะมูฟออนไม่ได้ มันเลยใช้วันโบนัสออกนี้พาฉันไปปลดปล่อยที่บาร์โอสต์แห่งหนึ่ง แล้วเรียกเด็กหนุ่มมานั่งดริ้งค์มาบริการฉันอย่างเต็มที่
ไอ้คนอย่างฉันที่มันห่างของมาเกือบปี พอได้ผู้ชายหน้าตาดี หล่อน่ารักมานั่งเอาใจก็เริ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้ม จนซื้อ ดริ้งค์เขาหมดไปหลายพัน แล้วเพื่อนฉันก็บอกกับเขาว่าฉันเพิ่งอกหักมา ช่วยปลอบใจฉันหน่อย ซึ่งเขาก็ทำได้ดีเลยทีเดียว
เขาชื่อว่า “เมือง” อายุน้อยกว่าฉันสามปี เป็นคนเชียงรายที่มาทำงานที่นี่ได้สองสามปีแล้ว จนเพื่อนๆ ฉันถามว่าอ๊อฟได้ไหม เพราะอยากให้ฉันได้สุขสมแบบถึงปลายทาง เขาก็ปฏิเสธว่าไม่เคยอ๊อฟ เขาขายความสุข ไม่ได้ขายร่างกาย ฉันเลยรู้สึกว่าเขาก็พูดจาดีเหมือนกัน แถมยังหน้าตาหล่อน่ารัก สูงขาว ยาวใหญ่ ตามสเป็คฉันอีกด้วย กระทั่งบาร์ปิดช่วงตีสอง ฉันกำลังจะแยกกับเพื่อน เรียกแกร็บคาร์เรียบร้อย ปรากฏว่าเมืองวิ่งมาหาฉัน แล้วเอ่ยทักทายกัน ก่อนที่เขาจะเอาเงินประมาณสี่พันบาทมาใส่มือให้ฉัน
“ค่าอะไร ?”
“ค่าดริ้งค์ที่พี่ให้ผมไง” เขาหัวเราะร่วน “ผมเอามาคืนให้ครับ”
ฉันยัดกลับใส่มือเขาไป “เอามาทำไม เมืองมาบริการพี่ มันก็ปกติอยู่แล้วนี่นา”
“แต่ผมว่าพี่ไม่เหมือนคนอื่นน่ะครับ”
“หือ…”
“พี่อกหักมา แต่พี่ดูสงบนิ่งมากเลย พี่ให้เกียรติผมมากด้วย ถ้าเป็นคนอื่นคงจกคงล้วงไปแล้ว ซึ่งจริงๆ ตามเนื้องานมันทำได้นั่นแหละครับ แต่ตั้งแต่ทำงานมาพี่เป็นคนแรกเลยที่ให้เกียรติผมขนาดนี้ ผมเลยรู้สึกว่า ผมไม่ได้เสียหายหรือเหนื่อยอะไรเลยเอามาคืนน่ะครับ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก…ทำงานก็ต้องได้เงิน”
“แค่คืนเดียวเองพี่…” เขายิ้ม แล้วยัดเงินใส่กระเป๋าให้ฉันอีกรอบ “ถ้ารู้สึกผิด…เลี้ยงข้าวต้มผมแทนสักมื้อก็ได้ครับ ตกลงมั้ย ?”
ฉันไม่ได้เมาขนาดว่าขาดสติ แต่ฉันกำลังเมาเมือง แหงละ งานนี้โดนเขาจู่โจมแบบนี้ ฉันไปไม่ถูกเลย แล้วไอ้ท่าทีน่ารักขนาดนี้เขาคงได้มันมาจากการทำงานสินะ แต่ช่างมันดเอะ ถือว่าข้าวต้มมือเดียว แลกกับทิปที่ได้คืนมาตั้งหลายพันก็ไม่ได้แย่หรอก
ฉันจึงพาเขานั่งแกร็บไปด้วย แล้วหาร้านข้าวต้มนั่งกินด้วยกัน คุยไปคุยมาก็เหมือนรู้เลยว่าเขาจะจีบฉัน เพราะท่าทางใส่ใจต่างๆ นั้นไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไหนอยากจะทำให้กันมากนักหรอก มันเกิดขั้นไปหน่อย
“นี่…ไม่ได้โง่นะ…” ฉันบอก “ถึงจะโง่คบเหี้ยมาแปดปี แต่ก็รู้ว่าจะมาจีบ”
เขาหัวเราะร่วน “โหย…คนโตเขารู้ทันกันขนาดนี้เลยเหรอครับ” เมืองพูดแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่ม “งั้นก็ไม่ต้องพิธีรีตองแล้วมั้ยล่ะครับ “ผมว่าพี่น่ารักดีครับ เลยอยากรู้จัก ไม่จีบก็ได้ แต่อยากรู้จักมากกว่าลูกค้าคนอื่นน่ะครับ”
“หลอกตังค์ป่าว เอาน้อยมาแลกเยอะป่าว บอกไว้ก่อนนะว่าไม่มี”
“ฮ่ะๆ พี่…ผมจะหลอกพี่ทำไมครับ ผมทำงานคืนๆ หนึ่งได้ตั้งกี่พัน จะมานั่งหลอกอะไรพี่ ผมเลี้ยงพี่ได้ด้วยซ้ำ”
“ไม่เอา” ฉันส่ายหัว “ถ้าวันนึงคบกันจริงๆ แล้วต้องมาให้แฟนตัวเองไปขายเนื้อหนังแลกเงินมาเลี้ยงตัวเองหรอก”
“อ่ะ…อย่าเพิ่งวางแฟนไกลครับ ถ้าวันหนึ่งผมจีบพี่ติดจริงๆ ผมออกจากบาร์โอสต์ก็ได้ครับ”
“งั้นออกเลย…” ฉันบอก แล้วตบโต๊ะ “คบกันเลย ไปห้องพี่เลย…วันนี้”
“อ่ะ…งั้นออกเลย”
“เอาจริงดิ ?”
“ผมแมนๆ ว่ะ”
แล้วไม่รู้ว่าอีท่าไหน ไปยังไง มายังไง ตอนนี้กลายเป็นว่าเราสองคนนั่งจับมือกันอยู่บนเตียงของคอนโดฉัน บรรยากาศทุกอย่างคือชวนเพลี่ยงพล้ำมากจริงๆ แต่ถ้ามันจะเกิดขึ้นฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉันว่าเขาน่ารักดี ถ้ามันจะมาหลอกฟันฉัน ฉันก็จะคิดว่าฉันหลอกฟันToo วัน ไนท์ สแตน เจ๊าๆ กันไป จึงกลายเป็นว่าฉันค่อยๆ เปิดเกมก่อนในเวลานั้นเลย
ฉันโน้มใบหน้าของเขาเข้ามาจูบ กลิ่นเหล้าอ่อนๆ แฝงเร้นอยู่ในรสจูบ แต่เขากลับอ่อนโยนกับฉันมาก เขาจูบอย่างแผ่วเบา แต่ดุดัน เรียวลิ้นสอดส่ายเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกันในปากของฉัน ก่อนที่มือซึ่งคว้าเอวฉันไว้จะเลื่อนขึ้นเบาๆ พร้อมชายเสื้อที่เลิกขึ้นมา ฉันยกแขนให้เขาถอดเสื้ออย่างง่ายดาย ก่อนปลดชั้นในตัวเองออก แล้วดึงมือเขามาจับที่หน้าอกของฉัน ก่อนที่เราจะจูบกันต่อไป พร้อมกับที่ฉันตอนนี้ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของเขาออกช้าๆ จนเขาถอดมันวางไว้กับเตียง มือสั่นๆ ของฉันลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเขา กล้ามท้องของเขาแน่น กล้ามเป็นลอน เพราะฉันเห็นร่างกายของเขาตั้งแต่ตอนที่อยู่บาร์แล้ว
“อืม…นมสวยจังครับ” เขาพูด ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงไปไซ้คอของฉัน ลากลงไปที่หัวไหล่ เนินอก แล้วลงไปจูบที่หนั่นเนื้อของกัน ก่อนจะครอบริมฝีปากลงมาที่หัวนมของฉันแล้วดูดดุนเบาๆ มืออีกข้างก็ลูบไล้ร่างกายของฉันไปเรื่อยๆ เขาดูดนมฉันสลับซ้ายขวาอย่างเบาๆ แต่ก็ทำให้ฉันซ่านเสียวได้ไม่น้อยเลยในเวลานี้ ฉันจึงผลักเขาออกเบาๆ แล้วดันร่างของเขาลงบนเตียงให้นอนลง ก่อนที่จะลูบไล้เป้ากางเกงของเขา ตอนนี้สัมผัสได้ว่าควยของเขาแข็งแล้ว ฉันจึงรูดซิปลง แล้วคว้าเอาควยที่แข็งเต็มที่ของเขานั้นมาชักรูดทันที
เมืองส่งเสียงสูดลมผ่านไรฟันเบาๆ ตอนที่มือของฉันกำลังกอบกุมแล้วชักควยให้เขา กลิ่นตัวเขาหอมมาก ส่วนควยของเขาก็หัวบานสวยอีกด้วย ล้ำควยของเขาโค้งงอเล็กน้อย ไม่ได้ใหญ่เกินไป ผิวควยเนียนสวยมากๆ มีเส้นเลือดบางๆ ที่ทำให้ดูน่าอมมากขึ้นอีกด้วย พอถอกหัวควยลงมาแล้วหัวบานๆ ของเขาสีชมพูดนั้นทำให้ฉันตับควยเขาเข้าปากอมควยทันที
“อ๊ะ…ซี้ดดดดด”
ฉันชักควยเขาอย่างเร็วและเบามือ ก่อนจะอมแค่ส่วนหัวบานๆ แล้วออกแรงดูดอย่างแรง วาดลิ้นไปตามแนววงขอบของหัวควยแล้วดูดดุดไปรอบๆ ก่อนจะครอบปากลงไปช้าๆ จนถึงส่วนโคน แล้วรูดปากขึ้นมา ก่อนจะเริ่มทำเร็วขึ้นๆ มืออีกข้างก็ล้อหลอกหยอกเล้ากับไข่ทั้งสองข้างไปมา ก่อนจะคายควยออกจากปาก แล้วลากลิ้นเลียชิมรสชาติควยไปตามความยาว จากหัวควย วาดไปรอบๆ ดอกเห็ด แทรกลิ้นลงไปที่รูเสียวส่วนปลาย แล้วลากกลับลงมา ก่อนจะดูดไข่ทั้งสองข้างสลับไปมา จนตอนนี้ร่างของเมืองที่นอนราบอยู่บนเตียงก็ค่อยๆ แอ่นขึ้นมาเบาๆ เนื้อตัวเกร็งไปจนหมด
“พี่ครับ…ผมไม่ไหวแล้วครับ อ๊ะ อ๊า…”
.